วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เคล็ด"ไม่"ลับในการรับประทานสลัดให้อร่อยและได้คุณค่า

เคล็ดลับความอร่อยของสลัด

เคล็ดลับความอร่อยของสลัดอยู่ที่ผักและน้ำสลัด ผักต้องสด ล้างให้สะอาด ทิ้งให้สะเด็ดน้ำก่อนใช้ การหั่นผักต้องใช้มีดที่คม หั่นให้หนาพอที่ส้อมจิ้มติด เช่น แตงกวา มะเขือเทศ ควรหั่นให้หนา 1/2 ซม. เป็นอย่างน้อย ผักจึงจะกรอบ ผักที่หั่นแล้วควรใช้ทันที อย่าทิ้งไว้ให้ผักเหี่ยว เพราะมิพียงคุณค่าทางอาหารสูญเสียไปเท่านั้น ความอร่อยก็สูญเสียไปด้วย

น้ำสลัดต้องมีรสเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำสลัดน้ำใสหรือน้ำสลัดน้ำข้น เมื่อรับประทานรสชาติจะกลมกล่อมพอดี การทำน้ำสลัดน้ำข้นหรือที่เรียกว่า "น้ำสลัดมายองเนส" (mayonaise) ต้องข้นชนิดที่เมื่อตักราดบนผักแล้วน้ำสลัดไม่ไหล


เคล็ดลับการทำน้ำสลัดน้ำข้นคือ ไข่ไก่ที่ใช้ต้องสด ไข่แดงจะกลมนูน ถ้าไข่เก่าไข่แดงจะแบน ถ้าเป็นไข่เก่ามีวิธีที่ช่วยคือต้องวางไข่แดงไว้สักครู่เพื่อช่วยให้น้ำระเหย การคนไข่แดง ต้องคนกับเกลือก่อน ไข่แดงจะขึ้นฟูเพราะเกลือช่วยดูดน้ำ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับจังหวะในการใส่น้ำมัน ควรใส่น้ำมันทีละน้อย คนจนเข้ากัน จึงใส่น้ำมันใหม่ การใส่น้ำมันสลับกับน้ำส้มที่ผสมก็เช่นเดียวกัน ต้องใส่ทีละน้อย คนจนน้ำมันเข้ากันแล้วจึงใส่น้ำส้ม คนจนเข้ากันจึงใส่น้ำมัน ถึงจะได้น้ำสลัดที่ข้น ส่วนเคล็ดลับการทำน้ำสลัดน้ำใส เพียงใส่ขวดเขย่าเบาๆ เมื่อจะใช้ให้เขย่าขวดก่อนจึงเทราด ควรรับประทานทันทีจึงจะอร่อย น้ำสลัดทำให้รับประทานสลัดได้อร่อย และรับประทานได้ในปริมาณมาก การทำสลัดรับประทานเองเป็นเรื่องไม่ยาก เตรียมทำน้ำสลัดรสชาติที่ชอบเก็บใส่ขวดเข้าตู้เย็นไว้ ล้างผักเก็บใส่กล่องเข้าตู้เย็น เมื่อจะรับประทานก็เพียงแต่นำมาหั่นราดน้ำสลัด เพียงเท่านี้เราก็จะได้สลัดอาหารรสอร่อย สะอาด ถูกหลักสุขอนามัย มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับทุกๆ คนในครอบครัว

ประโยชน์ของ"สลัด"จานเด็ด

  เมนูจานเด็ดนามว่า สลัด ที่ประกอบไปด้วยบรรดาผัก ผลไม้ น้ำสลัด ทั้งหลายแล้ว มีประโยชน์ที่ให้แตกต่างกัน บางชนิดก็ให้พลังงานสูง บางชนิดก็ให้เรื่องการาขับถ่าย บางชนิดก็ให้การป้องกันการสึกหรอของอวัยวะในร่างกาย เป็นต้น

   การทานสลัดนอกจากจะช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักแล้ว ยังช่วยรักษาสุขภาพ ร่างกาย อีกทั้งยังลดอัตราความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในปอดได้อีกด้วย แล้วเดี๋ยวนี้เราสามารถดัดแปลงให้สลัดที่มีแต่ผักๆๆๆ กลายเป็นสลัดที่ได้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ด้วยการเติม หมู่ข้าว แป้ง อันได้แก่ ข้าวโพด มันฝรั่งต้ม ขนมปัง และมักโรนี หมู่โปรตีน ได้แก่ อกไก่ฉีก กุ้ง ไข่ และ ถั่ว หมู่ไขมันจากน้ำสลัด และหมู่ผัก ได้แก่ ผักขม แครอท มะเขือเทศ ฟักทอง กำหล่ำปลี ผักกาดหอม แตงกวา เป็นต้น เรามาดูกันนะครับ ว่าผักตัวไหนที่จะเป็นฮีโร่ช่วยรักษาสุขภาพของเราให้แข็งแรง

"ผัก" เป็นส่วนประกอบหลักของสลัดที่ให้คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ เพื้อให้ได้สารอาหารและพลังงานอย่างครบถ้วน ควรเลือกทานผักให้หลากหลายชนิดอย่างละเล็กละน้อย คละเคล้ากันไป ทั้งผักสีเขียวเข้ม สีเขียวอ่อน สีส้ม และสีแดง เป็นต้น เพราะผักแต่ละชนิดล้วนมีสัดส่วนของวิตามินไม่เท่ากัน โดยเราเรียกสารที่ให้สีในผักนี้ว่า แคโรทีน

กลุ่มที่มีประโยชน์ที่สุดที่รู้จักกัรในนาม "เบต้าแคโรทีน" ที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้มักพบมากใน มะละกอ แครอท ผักขม ฟักทอง และ ผักกาดหอม ฯลฯ เพราะเบต้าแคโรทีนสามารถช่วยลดอัตราความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในปอด และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti Oxidant) อีกทั้งใรใยผักยังมีเส้นใยอาหาร หรือไฟเบอร์ที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ปองกันท้องผูก และดูดซับคลอเรสเตอรอลบางส่วนในร่างกายออกไป

แต่การทานผักอย่างเดียวอาจให้พลังงานไม่เพียงพอต่อร่างกาย ดังนั้นผู้ที่นิยมทานสลัดจึงควรเติมสารอาหารที่ให้พลังงานสำคัญจำพวกแป้ง เช่น ขนมปัง มักโรนี มันฝรั่งต้ม ฯลฯ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อและต่อมต่างๆ
สำหรับใครที่ชอบทานไข่นกกระทา อกไก่ กุ้ง แฮม และถั่ว ฯลฯ อาจเลือกทานเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะได้รับโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และยังทำให้ร่างกายได้รับกรดอะมิโนที่สำคัญ 10 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย
อ้างอิงจาhttp://th-th.facebook.com/note.php?note_id=129467077092007

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ส่วนผสมของสลัดที่มนุษย์เรารับประทานกัน

      ในจานสลัดของเราจะมีส่วนประกอบซึ่งประกอบไปด้วยผัก ผลไม้ และน้ำสลัด ซึ่งผัก และ ผลไม้ นั้นมีหลากหลายชนิดให้เราเลือกทานตามความอร่อย ความชอบในรสชาติ ผักที่ใช้ทำสลัดต้องเป็นผักที่ให้รสชาติที่ดี และต้องเป็นผักที่มีความชอบส่วนตัวของผู้รับประทานนั้น แบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ คือ
1. ผักประเภทใบ โดยรวมเราจะเรียก ผักใบเขียว ได้แก่ ผักกาดหอม ผักกาดแก้ว กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค ผักคอสหรือผักโรเมน ผักคอสแดง ผักบัตเตอร์เฮด กำหล่ำปลี ซึ่งผักที่ยกตัวอย่างนี้เป็นผักที่มีรสจืดบ้าง รสอมขมเล็กน้อยบ้าง (ดังคำกล่าว หวานเป็นลม ขมเป็นยา) แต่ก็ไม่ทำให้ความชอบที่มีต่อผู้รับประทานลดน้อยลงเลย
    

2. ผักประเภทหัวหรือผล ประเภทนี้เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว เช่น แครอท หัวหอมใหญ่ มันฝรั่ง มันเทศ เผือก พริกหวาน มะเขือม่วง เป็นต้น ซึ่งผักเหล่านี้เหมาะกับน้ำสลัดครีมข้น เวลาจะรับประทานต้องนำไปลวก หรือต้มให้สุกเสียก่อน เว้นบางอย่างที่รับประทานได้เลย เช่น แครอท มะเขือเทศ เป็นต้น



3. ธัญพืชต่างๆ ที่นิยมคือ ถั่วแดง ลูกเดือย ข้าวโพด เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มาจากข้าวสาลีอีกด้วย เป็นการใช้ความหลากหลายให้เกิดประโยชน์แทนการทานเนื้อสัตว์ได้อีกด้วย  

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ชนิดน้ำสลัด

น้ำสลัดแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ
1. น้ำสลัดชนิดข้น (mayonnaise)  ส่วนผสมที่สำคัญของน้ำสลัดชนิดข้น คือ มายองเนส และ ไข่แดง แต่จะมีเครื่องปรุงอื่นๆ มาประกอบในการปรุงรสชาติ เช่น เกลือป่น ,น้ำมะนาว, น้ำผึ้ง หรือ น้ำเชื่อม และ น้ำส้มสายชู ด้วยเสมอ โดยการนำส่วนผสมทั้งหมด  ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ และตีสลับกับน้ำมันเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นเนื้อครีมข้น  ถ้าเป็นสลัดน้ำข้นแบบฝรั่ง นิยมปรุงรสชาติ ให้มี รสเค็ม มัน และ เปรี้ยว เล็กน้อยเท่านั้น ไม่นิยมตีกับน้ำมันมะกอก เพราะ ทำให้จะทำให้มีกลิ่นแรงเกินไป แต่จะเปลี่ยนเป็น ตีกับ น้ำมันสลัด หรือ น้ำมันพืชอื่นๆ มากกว่า น้ำสลัดชนิดนี้ทานกับสลัดที่ทาคู่กับอาหารคาว เช่นสลัดกุ้งชุบแป้งทอด สลัดไก่ทอด สลัดซีปู๊ด สลัดเนื้อสันใน เป็นต้น


2. น้ำสลัดชนิดใส (vinegar and oil) ส่วนประกอบสำคัญของน้ำสลัดชนิดใส คือ น้ำส้มสายชู และ ส่วนผสมที่สำคัญรองลงมา จะเป็น น้ำมันประกอก ,กระเทียมสับ , หอมเล็ก หรือ หอมใหญ่สับ ,พริกไทยดำบด และสมุนไพรต่างๆแล้วแต่จะชอบกัน ส่วน ผสมอื่นๆที่ใช้ในการปรุงรสชาติ  เช่น เกลือป่น , น้ำผึ้ง หรือ น้ำเชื่อม แต่น้ำสลัดชนิดใส ส่วนมาก จะมีรสเปรี้ยวนำเป็นหลัก ส่วน รสเค็ม และหวาน เล็กน้อย
น้ำสลัดชนิดนี้ทานกับสลัดทั่วไปที่เป็นสลัดผักทั่วไป (http://mermaid.panphuket.com/book/export/html/124, ค้นหาเมื่อ 10/05/54) 



น้ำสลัดทั้งสองชนิดใครจะทานแบบไหนก็เลือกกันได้ตามใจชอบ ขึ้นอยู่กับรสชาติความชอบส่วนตัวของแต่ละคนนะครับ

                                          

มารู้จัก "สลัด" กันเถอะ

สลัด ( Salad ) 



สลัด ความหมาย [สะหลัด] น. ชื่อยำชนิดหนึ่งตามแบบชาวตะวันตก ประกอบด้วยผักสดหลายชนิด เช่น ผักกาดหอม หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ แตงกวา เป็นหลัก และอาจมีเนื้อสัตว์หรือไข่ด้วย ราดด้วยน้ำปรุงรสที่เรียกว่าน้ำสลัด สลัดมีหลายชนิด เช่น สลัดผัก สลัดเนื้อสัน สลัดแขก  (http://saladhealthy.blogspot.com/
2010/01/blog-post.html, สืบค้นวันที่ 08/05/54)

สลัด (Salad) มีรากศัพท์มาจาก คำว่า Sal ในภาษาละติน ที่แปลว่า เกลือ นั่นเพราะ สลัดเป็นอาหารดั้งเดิมของชาวโรมัน ที่นำผักชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเลตทิซ (lettuce) ผักชนิดใบ และแตงกวา
วอเตอร์เครส ชิโครรี เอ็นไดฟ เคล้ากับ dressing หรือน้ำปรุงรส ซึ่งทำจากน้ำมันมะกอกกับน้ำส้มสายชูหรือน้ำเกลือ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า sal หรือเกลือ และ salata ที่แปลว่าของที่ทำเค็มด้วยเกลือนั่นเอง   (http://www.momypedia.com/knowledge/food_recipe/detail.aspx?no=13118&title=%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94..., สืบค้นวันที่ 08/05/54)

สรุปว่า สลัดคือ ยำชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบของผัก ผลไม้ และน้ำสลัด